สำเร็จแล้วมาเป็นนักลงทุนVIกัน
เมื่อโดน “ดิสรัปท์” จึงต้องสำเร็จสิ่งนี้
เรียกได้ว่าเท่าเทียมกันสำหรับการเข้ามา “ดิสรัปท์” ของเทคโนโลยี ที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดการปรับตัวขนานใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ตลาดของเราที่ถูกมองว่ามีลูกค้าที่เป็น “ลอยัล คัสโตเมอร์” หรือลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ และผลิตภัณฑ์อยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม
การ “ดิสรัปท์” ที่เกิดขึ้นตามมุมมองของกรรมการผู้จัดการ บริษัท จะเป็นการเข้ามาเปลี่ยนหรือเชฟพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่แน่นอนว่าส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับธุรกิจ ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น จะมีตั้งแต่การที่คนรุ่นใหม่ในกลุ่มที่เป็นมิลเลนเนียล มีทางเลือกในการทำธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขายของผ่านช่องทางออนไลน์ที่ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มในรูปแบบต่างๆ เข้ามารองรับ ทั้งเฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตาแกรม หรือแม้แต่แพลตฟอร์มที่เป็นอีคอมเมิร์ซอย่างลาซาด้า และช้อปปี้ ซึ่งถ้ามองมาที่คนรุ่นใหม่แล้ว จะพบว่า คนกลุ่มนี้ 77% ตามผลวิจัยของเรา พวกเขาอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือทำอาชีพอิสระที่ไม่ต้องเป็นพนักงานประจำ แน่นอนว่า ทาง เลือกที่มากขึ้นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมือนเราที่ไม่ใช่อาชีพแรกๆ ที่ถูกนึกถึงอีกต่อไป
เช่นเดียวกับในส่วนของตัวสินค้า ที่ปัจจุบันถูกเข้ามาแข่งขันจากหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะจากช่องทางออนไลน์ที่มีสินค้าหลายๆ ประเภท ไม่แตกต่างจากสิ่งที่ธุรกิจของเราที่นำเสนอให้กับตลาด ผลจากการเข้ามาดิสรัปท์ของเทคโนโลยีในครั้งนี้ บริษัททั่วๆไปขนาดเล็กจนถึงกลาง เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่นั้น ผู้บริหารของเราในประเทศไทย บอกว่า ยังมีไม่มากนัก เพราะบริษัทขนาดใหญ่มีฐานของลูกค้าที่มีลอยัลตี้กับสินค้าของบริษัทค่อนข้างมากเป็นผลงานที่ประคุณภาพระดับพรีเมี่ยมส่งไม้ต่อให้คุณประสบความสำเร็จได้เช่นกันกับแนวทางระดับมืออาชีพของเรา
ผมเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์ ไม่เคยค้าขายมาก่อน แต่ได้รับการแนะนำและชี้แนะให้ผมเห็นอนาคตที่จะมีอิสรภาพทั้งเงินและเวลา จากคุณวรรณา – คุณพัฒนวงศ์ สวนาพร จึงตัดสินใจทำแอมเวย์ตั้งแต่ปี พ.ศ 2530 ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ มากมาย อีกทั้งอัพไลน์ก็อยู่คนละจังหวัด แต่ผมก็มีความหวังและความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่แพ้ความพยายาม ถึงแม้จะมีความล้มเหลวหลายครั้งในช่วงเริ่มต้น ผมก็จะลุกขึ้นทำใหม่ ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ด้วยพลังแห่งความหวัง จึงมีพลังในการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง จนนำพาให้ผมประสบความสำเร็จได้ในวันนี้
จากประสบการณ์ของผมพบว่า หุ้นส่วนทางธุรกิจกับแอมเวย์สำเร็จหรือไม่สำเร็จ ไม่ได้วัดกันที่เก่งหรือไม่เก่ง แต่วัดกันที่เห็นอนาคตของตนเองชัดหรือไม่ชัดมากกว่า
ประมวลรูปภาพเรื่องราว
ความสำเร็จนำมาซึ่งอิสรภาพของชีวิต ธุรกิจนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 3-5 ปี เท่านั้น คุณก็จะได้อิสรภาพของชีวิต เริ่มต้นที่ปันผลเดือนละ ห้าหมื่นบาท จนถึงเดือนละ สามล้านบาทให้คุณเลือกแบบสบายๆ เวลาของคุณยังอยู่ครบไม่ได้ยุ่งแบบคิ้วติดกันเหมือนธุรกิจอื่นๆและไม่ต้องทำงานตลอดชีวิตเหมือนธุรกิจทั่วๆไป สำเร็จแล้วคุณจะมีอิสรภาพของชีวิตสามารถจะทำอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการแบบไร้กังวล
คุณสามารถมาลองเป็นนักลงทุนได้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ.jpg)
สู่ความสำเร็จด้านการลงทุน
เป็นนักลงทุนVI Value Investor คือนักลงทุนสาย VI ซึ่งเป็นนักลงทุนที่สนใจเลือกลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Stock) เท่านั้น โดยที่หุ้นคุณค่าจะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกกว่าราคาที่เหมาะสมตามทฤษฎี แต่จะมีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีอัตราการปันผลที่ดีด้วยเช่นกัน โดยนักลงทุนสาย VI จะเน้นการลงทุนเพื่อทำกำไรในระยะยาว
สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCA หรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก
DCA คืออะไร
DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost- Averaging คืออีกรูปแบบหนึ่งของการลงทุน ซึ่งจะลงทุนออมหุ้นอย่างสม่ำเสมอในสินทรัพย์ที่เราเลือกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนก็ตาม เป็นจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกครั้ง ในระยะเวลาหนึ่งอย่างต่อเนื่อง เช่น ลงทุนทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน หรือ ลงทุนในช่วงต้นเดือนหลังจากเงินเดือนออก โดยให้ระบบหักเงินไปซื้อหุ้นหรือกองทุนจำนวน 1,000 บาท โดยไม่สนใจว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเดือนไหน ราคาหุ้นสูงขึ้นเราก็ซื้อได้จำนวนน้อยลง ถ้าราคาหุ้นลดลงเราก็ซื้อได้จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสร้างวินัยในการออม และการลงทุนโดยไม่คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์ลงทุนที่เลือกไว้ว่าราคาเท่าไหร่
โดยปกติแล้วความถี่ของการ DCA ของหลาย ๆ คนมักจะอยู่ที่รายเดือน เป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมที่ใช้สร้างวินัยการลงทุนกัน โดยไม่มีการจับจังหวะตลาดและราคาของสินทรัพย์ จึงเป็นวิธีการลงทุนที่ทำได้ง่าย

การ DCA ส่วนมากจะเหมาะกับมนุษย์เงินเดือน เหตุผลคือ มนุษย์เงินเดือนจะมีรายได้ประจำทำให้สามารถจัดการเงินออมได้ดีกว่าอาชีพอิสระ จึงสามารถนำเงินส่วนหนึ่ง อาจเดือนละ 1,000-5,000 บาท มาสะสมในทรัยพ์สินเพื่อเป็นทุนในอนคตข้างหน้า
DCA อาจจะไม่ใช่วิธีที่ทำให้เราได้ผลตอบแทนดีที่สุดแต่เป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถใช้วินัยและความอดทนเพื่อสะสมทรัพย์สินได้ โดยได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาว
หลายคนที่เพิ่งเริ่มทำงานกันมาสักพักแล้ว คงน่าจะเคยรู้สึกว่าทำไมเรายังไม่ประสบความสำเร็จแบบคนนั้นคนนี้ จะทำยังไงดีให้ประสบความสำเร็จบ้างมีเงินเพิ่มหรือตำแหน่งงานดีขึ้น ได้ขึ้นเงินเดือน . ในวันนี้นี้เรามาจะมาเล่าถึงขั้นตอนการเป็นนักลงทุนให้เกิดความสำเร็จและประสบความสำเร็จ ตั้งแต่การเตรียมตัวเริ่มต้นตัดสินใจมาเป้นนักลงทุนจนถึงช่วงหลังจากที่ลงทุนแล้ว เพื่อนๆ อาจจะลองนำไปเป็น Checklist เผื่อดูว่าเราตกหล่นในขั้นตอนไหนจะได้ปรับปรุงและเพิ่มเติมกันต่อไป
ข้อดีของ DCA มีอะไรน่าสนใจบ้างมาดูกันต่อเลย
1️⃣ ทุนน้อยก็สามารถลงทุนได้
สามารถเริ่มลงทุนได้ด้วยการแบ่งรายได้ในแต่ละเดือนมาใช้ลงทุนเป็นประจำโดยไม่กระทบต่อเงินที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละเดือน จึงเหมาะกับนักลงทุนที่อาจจะมีทุนเริ่มต้นไม่มากแต่ต้องออมเงินเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินไว้เฉย ๆ ด้วยการสะสมหุ้นเพื่อให้เงินทำงาน ไม่ต้องใช้เวลาติดตามข่าวสารการลงทุนมากนัก หากลงทุนนานวันเข้าก็จะได้ผลตอบแทนดีกว่าในช่วงราคาหุ้นขาลง เพราะใช้เงินลงทุนเท่าเดิม แต่ได้จำนวนหุ้นมากขึ้น และช่วยลดการขาดทุนหนัก ๆ ได้หากราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรงได้
2️⃣ เป็นการเริ่มต้นศึกษาการลงทุนไปในตัว
หลายท่าน กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะเข้าสู่โลกการลงทุน เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ออมหุ้นเดือนละ 1000 ในระบบ DCA ช่วยให้ท่านได้ศึกษาเรียนรู้ รูปแบบการลงทุนในตลาดหุ้น เมื่อท่านต้องการพัฒนาตัวต่อยอด โดยการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอง ก็สามารถทำได้ โดยที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว ต่างกับการกระโจนเข้าสู่ตลาดหุ้นในทันที ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการลงทุนหรือวิเคราะห์ตลาดก็สามารถนำไปใช้ได้
3️⃣ เป็นการออมเงินด้วยการลงทุน ที่ให้ผลประโยชน์มากกว่าดอกเบี้ยประจำ
ออมหุ้นเดือนละ 1000 ในระบบ DCA ไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับท่านรูปแบบดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ให้ผลตอบแทนท่านในรูปแบบมูลค่าหุ้นที่ท่านถือในมือ ยิ่งท่านลงทุนไว้นานเท่าไหร่ และอัตราถัวเฉลี่ยรวมของหุ้นที่ท่านมีในพอร์ตการลงทุนยิ่งถูกลง
ยกตัวอย่างตอนเริ่มต้นออม ท่านลงทุนในอัตรา 10 บาทต่อหุ้น แต่เมื่อท่านถือนานไป ต้นทุนของท่านลดลงเหลือหุ้นละ 9 บาท แล้วมูลค่าหุ้นที่ท่านถือในมือปรับเป็น 13 บาท หมายความว่า ท่านทำกำไรได้ถึง 4 บาทต่อหุ้น โดยที่หุ้นในมือของท่านมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่ท่านจะได้รับกำไรสูงขึ้นเพิ่มตามไปด้วย และที่สำคัญ ทั้งการฝากประจำและมีรายได้จากดอกเบี้ย และ การออมหุ้นเดือนละ 1000 ในระบบ DCA ยังคงต้องมีการจ่ายภาษีเงินได้ ท่านคิดว่า การลงทุนแบบใดที่ช่วยท่านทำกำไรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อกันละครับ
4 เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ และไม่มีเวลาดูกระดานหุ้นด้วยตัวเอง
สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนกลัวมากที่สุดคือ เงินต้นฉันจะหายไหม นักลงทุนหน้าใหม่กลัวการขาดทุนครับ และยิ่งการขาดทุนในอัตราสูง ยิ่งทำก่อให้เกิดความกลัว ไม่กล้าพัฒนาตัวสู่โลกการลงทุนอีก การลงทุน ออมหุ้นเดือนละ 1000 ในระบบ DCA ช่วยให้ท่านเข้าสู่โลกการลงทุนด้วยความสบายใจ เพราะจะมีผู้มีประสบการณ์ในการลงทุนคอยช่วยเหลือท่าน และการลงทุนระบบนี้ เน้นการลงทุนในหุ้นสามัญ ที่เน้นปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ท่านหมดกังวลได้ที่จะต้องนั่งเฝ้าดูกระดาน ว่าฉันต้องซื้อ หรือต้องขายตอนไหนดี
ข้อจำกัดของ “DCA”
กลยุทธ์หุ้น DCA ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างที่ทำให้นักลงทุนต้องจบลงด้วยผลขาดทุน หากนักลงทุนเลือก DCA ในหุ้นที่ไม่มีอนาคตและแนวโน้มราคาปรับลงทำจุดต่ำสุดใหม่ตลอด แม้จะใช้กลยุทธ์การเฉลี่ยต้นทุนแบบ DCA ก็ยังทำให้นักลงทุนต้องเผชิญผลขาดทุนได้เหมือนกัน
มาดูกันว่าข้อเสียของ DCA มีอะไรบ้าง
1️⃣ ต้นทุนที่ได้จะเป็น ต้นทุนเฉลี่ย
คำว่าต้นทุนเฉลี่ย หมายถึงต้นทุนทั้งจากช่วงที่ราคาสูงและราคาต่ำ ในระยะสั้นอาจมีต้นทุนเฉลี่ยที่สูงกว่าราคาตลาดของสินทรัพย์ลงทุนนั้น ๆ ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเฉลี่ยต้นทุนเงินดอลลาร์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้
2️⃣ DCA ไม่ได้ลดความผันผวนของมูลค่าพอร์ตลงทุนโดยรวม
ถ้าจัดพอร์ตลงทุนเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้น ทองคำ พอร์ตลงทุนโดยรวมยังคงได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาดอยู่ เพราะแม้ว่าตลาดจะประสบกับความผันผวนในระยะสั้นมากมาย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หากคุณไม่เพิ่มการลงทุนรายเดือนไปเรื่อย ๆ คุณก็อาจได้หุ้นโดยเฉลี่ยน้อยลงตามไปด้วยเช่นกัน
3️⃣ DCA ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบลงทุนแบบจับจังหวะเวลา
แนวทางการลงทุนของคุณอาจเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากภาวะของตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ทางการเงินส่วนบุคคลอาจไม่เหมือนเดิมเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น รูปแบบการลงทุนแบบนี้อาจไม่ตรงตามเป้าหมายของนักลงทุนที่ชอบลงทุนแบบจับจังหวะเวลา จึงอาจส่งผลให้พอร์ตโฟลิโอของคุณอาจไม่มีประสิทธิภาพตามที่คุณต้องการเมื่อเวลาผ่านไปได้
หุ้น DCA ตัวไหนน่าลงทุน ดูจากอะไร
ก่อนอื่นต้องดูกันก่อนว่าหุ้นลักษณะแบบไหนที่ควรพิจารณามาลงทุนแบบ DCA เพราะโดยส่วนมากการลงทุนแบบ DCA ผู้ลงทุนต้องตั้งเป้าหมายการออมหุ้นรายเดือน รายสัปดาห์ หรือราย Quater หากเลือกหุ้นผิด ก็จะทำให้ไม่ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายหรืออาจขาดทุนได้ เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อหุ้นมา DCA จึงต้องเป็นหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
ธุรกิจต้องมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะจะช่วยให้เลือกหุ้นที่มีความแข็งแกร่งแลสามารถดำเนินการอยู่ในอุตสาหกรรมได้ในระยะยาว
กิจการเติบโตต่อเนื่อง หุ้นต้องสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในเทรนด์อนาคต ไม่มีแนวโน้มที่จะถูก Disrupt ไปง่าย ๆ เช่น ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่าง ธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โรงพยาบาลหรือธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ
มีกำไรอย่างสม่ำเสมอในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน กำไรของบริษัทเปรียบเป็นเครื่องสะท้อนความสามารถในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่มีพื้นฐานดีควรมีกำไรที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง
หนี้สินไม่เยอะ เป็นสิ่งที่ควรระวัง การมีหนี้ระยะยาวมากเกินไป อาจทำให้บริษัทมีปัญหาเรื่องการชำระหนี้ และเกิดปัญหาต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หากวันใดขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถชำระหนี้ได้ จะเกิดปัญหาทันที
กำไรสะสมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทและอนาคตที่มีความมั่นคง
ควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้ดี ต้นทุนจะส่งผลโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ดี
นาย ไพโรจน์ จิวตระกูลวงศ์
โทร 081 6032249

แนะนำแนวคิดทางธุรกิจโดยลุงฮง
ไพโรจน์ จิวตระกูลวงศ์ หมายเลขสมาชิกธุรกิจ
โทรและไลน์



ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น